Samsung เปิดตัว Gear 360 (2017) กล้อง 360 องศา ความละเอียด 4K ใช้งานร่วมกับ iPhone ได้ด้วย!

Samsung เปิดตัว Gear 360 (2017) กล้อง 360 องศา ความละเอียด 4K ใช้งานร่วมกับ iPhone ได้ด้วย!

ภายในงาน Samsung Unpacked 2017 เมื่อค่ำคืนวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา นอกจาก Samsung จะทำการเปิดตัว Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy S8+ (ดูเพิ่มเติม) ยังได้เปิดตัว Samsung Gear 360 รุุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2017 ที่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ และมาพร้อมฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครัน ทลายทุกขอบเขตที่เคยมีมาด้วยการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนของ Samsung และอุปกรณ์ iOS

หรือใช้งานแอปพลิเคชั่น Gear 360 บนสมาร์ทโฟนเพื่อตัดต่อผลงาน 360 องศาชิ้นเอกให้สมบูรณ์แบบ และเลือกถ่ายทอดสด Livestream ทุกช่วงเวลาในชีวิตประจำวันได้แบบ 360 องศา บันทึกและถ่ายภาพเรื่องราวรอบตัวได้ด้วยเลนส์ 360 องศา ความละเอียดระดับ 4K และรองรับการใช้งานร่วมกับ VR ด้วยขนาดกะทัดรัด 100.6×46.3×45.1 มม. และมีน้ำหนักเบาเพียง 130 กรัม

Samsung Gear 360 รุุ่นใหม่มาพร้อมเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด 8.4 ล้านพิกเซล แบบ Dual Lens ค่ารูรับแสง f/2.2 เก็บภาพได้คมชัดทั้งภาพนิ่งและเคลื่อนไหว ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด 15MP แบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 1160mAh ถ่ายวีดีโอได้ยาวนาน 130 นาที ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP53 รองรับ microSD card สูงสุดที่ 256GB มีระบบแปลงไฟล์วีดีโอแบบ 360 องศาเป็นไฟล์แบบมาตรฐาน เพื่อง่ายต่อการแชร์ลงบนโซเชียล รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5GHz), Bluetooth 4.1, USB Type-C มีเซ็นเซอร์ Accelerometer และ Gyro

และนอกจากจะใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนของ Samsung ตั้งแต่ Galaxy S8, Galaxy S8+, Galaxy S7, Galaxy S7 edge, Galaxy Note5, Galaxy S6 edge+, Galaxy S6, Galaxy S6 edge, Galaxy A5 (2017) และ Galaxy A7 (2017) ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 5.0 ขึ้นไป

ยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ iOS ตั้งแต่  iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 6s, iPhone 6s Plus และ iPhone SE ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่น 10 ขึ้นไป รวมถึง PC ระบบ Windows และ Mac ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ Gear 360 (2017) มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ $349 หรือประมาณ 12,000 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายช่วงไตรมาส 2 ของปี 2017 ส่วนจะมีเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อใดนั้น เราคงต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.samsung.com, Samsung Newsroom, www.theverge.com