สหรัฐฯ ประกาศแบน ZTE ห้ามค้าขายกับบริษัทอเมริกัน หลังละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน-เกาหลีเหนือ

สหรัฐฯ ประกาศแบน ZTE ห้ามค้าขายกับบริษัทอเมริกัน หลังละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน-เกาหลีเหนือ

เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ (U.S. Department of Commerce) นำโดยสำนักงานด้านอุตสาหกรรมและความปลอดภัย (Bureau of Industry and Security – BIS) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการส่งออกสินค้าทางเทคโนโลยีและการทหาร ได้ออกคำสั่งห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันส่งออกสินค้าชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้กับ ZTE บริษัทผู้ผลิตมือถือสมาร์ทโฟนและโทรคมนาคมจากจีนเป็นระยะเวลา 7 ปี

อันเนื่องมาจาก ZTE ได้ส่งอุปกรณ์โทรคมนาคมไปขายที่อิหร่านและเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของทางสหรัฐฯ ว่าด้วยเรื่องการส่งออกสินค้าและเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ให้กับทางอิหร่านและเกาหลีเหนือแบบผิดกฏหมาย โดยทาง ZTE ได้ยอมรับผิดในครั้งนี้ พร้อมกับจ่ายค่าปรับให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ กว่า 1.17 พันล้านดอลลาร์

และยอมรับข้อตกลงที่ว่าหากละเมิดมาตรการดังกล่าวอีก ทางบริษัทจะต้องเสียสิทธิทางการค้ากับบริษัทในสหรัฐฯ ซึ่ง ZTE ได้เคยให้คำมั่นในศาลว่าจะลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ด้วยการไล่พนักงานระดับสูงออกจำนวน 4 ราย และลงโทษทางวินัยกับพนักงานในบริษัทอีก 35 ราย ด้วยการทำทัณฑ์บน หรือไม่จ่ายเงินโบนัส

แต่กระนั้นในเวลาต่อมา ZTE ได้ไล่พนักงานระดับอาวุโสจำนวน 4 รายออกจริง แต่ไม่มีบทลงโทษทางวินัยหรือบทลงโทษอื่นๆ แก่พนักงานในบริษัทผู้กระทำผิดที่เหลือ รวมถึงพบว่า ZTE ได้ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จอยู่หลายครั้ง และทางบริษัทยังจ่ายเงินโบนัสให้กับพนักงานที่ค้าขายกับอิหร่านและเกาหลีเหนือด้วย

จนท้ายสุดแล้วเป็นเหตุให้กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ต้องออกมาตรการลงโทษ ZTE และออกมาประกาศห้ามการค้าขายกับทาง ZTE ในที่สุด ซึ่งจากเหตุการณ์สั่งแบนของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจของ ZTE โดยปัจจุบันบริษัทในสหรัฐฯ เป็นผู้จัดส่งชิ้นส่วนให้กับ ZTE กว่า 25-30% ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครือข่ายรวมไปถึงชิ้นส่วนสมาร์ทโฟน

อย่างไรก็ดี คาดด้วยว่าผู้ใช้งานอาจไม่ได้เห็นสมาร์ทโฟนของ ZTE ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon อย่างน้อย 7 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือกันไปว่า ZTE Axon 9 จะใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 845 ก็อาจต้องล้มเลิกไป

นอกจากนี้อาจกลายเป็นปัญหาที่สมาร์ทโฟนของ ZTE จะไม่มีสิทธิ์ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ที่เป็นของ Google บริษัทอเมริกันอีกด้วย ส่วนจะเป็นไปในทิศทางใดต่อนั้น เราคงต้องมาจับตาดูกันต่อไปค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ www.gsmarena.com, www.bloomberg.com