พรีวิว realme C12 จอใหญ่ 6.5 นิ้ว ขุมพลัง Helio G35 แบตไซส์ยักษ์ 6000mAh กล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อมดีไซน์สวยสะกด!

พรีวิว realme C12 จอใหญ่ 6.5 นิ้ว ขุมพลัง Helio G35 แบตไซส์ยักษ์ 6000mAh กล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อมดีไซน์สวยสะกด!

สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่าน หลังจากที่มีข่าวยืนยันออกมาว่า realme Thailand จะเปิดตัวอุปกรณ์รุ่นใหม่ พร้อมกับเผยโฉมผลิตภัณฑ์ AIoT ที่น่าสนใจอีกหลากหลายรุ่นในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 นี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็จะมี realme C12 ถูกเปิดตัวในงานดังกล่าวด้วย โดยวันนี้เราก็มีบทความพรีวิว realme C12 มาฝากให้เพื่อน ๆ ได้รับชมกัน ก่อนที่ตัวจริงจะถูกเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ค่ะ

เบื้องต้น realme C12 มาพร้อมแบตเตอรี่ไซส์ยักษ์ทรงพลัง 6000mAh รองรับฟีเจอร์ Reverse Charging ถ่ายโอนแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์รุ่นอื่น ๆ ได้ มีโหมดประหยัดพลังงาน Super Power Saving Mode กล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อมโหมด Nightscape กล้องหน้ามาพร้อม AI Beauty ปรับค่าสวยเนียนทันใจ

ใช้หน้าจอใหญ่ Full Screen ขนาด 6.5 นิ้ว แบบ Mini-drop จอมีรอยบากทรงหยดน้ำขนาดเล็ก ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Helio G35 ตัวเครื่องใช้ดีไซน์ Geometric Gradient บอดี้มีการไล่เฉดสีรูปทรงเรขาคณิตสวยงาม ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง และมาพร้อมสเปกการใช้งานต่าง ๆ ที่ครบเครื่อง ลำดับถัดมาเดี๋ยวเราไปชมรูปลักษณ์ดีไซน์ทั้งหมดกันเลยค่ะ

realme C12 มาพร้อมดีไซน์ Geometric Gradient บอดี้มีการไล่เฉดสีรูปทรงเรขาคณิตสุดงาม ซึ่งการออกแบบดังกล่าวถูกใช้ครั้งแรกกับ realme C11 และถูกต่อยอดในรุ่น realme C12 ที่ได้รับแรงบันดาลใจเดิม ฝาหลังตัวเครื่องเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ถูกไล่ระดับเป็น 3 เฉดสี มุมและเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เกิดเอฟเฟ็กต์สีและแสงที่แตกต่างกันในแต่ละมุมมอง

ฝาหลังผ่านกระบวนการเคลือบและขัดผิวอย่างแม่นยำมาถึง 300 นาที โดยใช้เครื่องแกะสลักเรเดียม 5 แกนชั้นนำจากประเทศเยอรมัน เส้นที่แกะสลักมีความโค้ง และเอฟเฟ็กต์แสงสะท้อนพิเศษ ทำให้ตัวเครื่องมีสีสันสวยงาม พร้อมป้องกันรอยนิ้วมือและรอยขีดข่วน

ตรงกลางเครื่องติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฉับไว โดยตัวเครื่องของ realme C12 ที่จะวางจำหน่ายในไทยมาด้วยกันทั้งหมด 2 สี คือ Marine Blue และ Coral Red ให้ความงามที่ต่างกันออกไปในแต่ละไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานแต่ละคน นอกจากนี้ตัวเครื่องมาพร้อมคุณสมบัติป้องกันละอองน้ำอีกด้วย

มุมซ้ายบน realme C12 ติดตั้งกล้องหลัง AI 3 ตัว ความละเอียด 13MP + 2MP + 2MP มีเลนส์ Macro และ Portrait B&W พร้อมไฟแฟลช LED จัดวางในโมดูลทรงสี่เหลี่ยมมุมโค้งมนดูลงตัว รองรับโหมดการใช้งานมากมาย อาทิ Super Nightscape สำหรับถ่ายภาพกลางคืน และ Ultra Macro เก็บภาพระยะใกล้เพียง 4 ซม. เป็นต้น

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่มาพร้อมความละเอียด 5MP รองรับ AI Beauty ปรับค่าสวยเนียนทันใจ, HDR ปรับความคมชัด, Portrait ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ และ Panoselfie สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้าง

ขณะที่หน้าจอ realme C12 ใช้หน้าจอ Mini-drop แบบ Full Screen ขนาด 6.5 นิ้ว สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 88.7% อัตราส่วนจอจุใจ 20:9

มอบประสบการณ์ด้านความบันเทิง และการเล่นเกม ครบทั้งภาพและเสียงเต็มอรรถรส รอยหยดน้ำบนหน้าจอถูกลดขนาดลงถึง 30.9% เมื่อเทียบกับหน้าจอหยดน้ำปกติ ทำให้ใช้งานได้อย่างกว้างเต็มสายตา

ส่วนด้านข้างตัวเครื่อง เริ่มกันที่ฝั่งขวามีปุ่มพาวเวอร์สำหรับปิด-เปิด หรือรีสตาร์ทตัวเครื่อง และปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง

ฝั่งซ้ายพบแค่เพียงช่องใส่ถาดซิมการ์ด

โดย realme C12 มีถาดใส่ซิมแบบ Triple Card Slot รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด พร้อมเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 256GB อีก 1 ช่อง หรือใช้ในรูปแบบ SIM 1 + SIM 2 + microSD Card นั่นเอง

ด้านบนตัวเครื่อง ไร้ฟังก์ชันการใช้งานใด ๆ

ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., รูไมโครโฟน, ช่องเสียบพอร์ต microUSB 2.0 และช่องลำโพงเสียง

สเปกการใช้งานของ realme C12

– หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว
– ความละเอียด 1600×720 พิกเซล (HD+)
– กระจก Corning Gorilla Glass
– ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับ realme UI
– CPU Helio G35 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.3GHz
– GPU GE8320
– RAM 3GB
– ROM 32GB
– microSD Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลังความละเอียด 13MP + 2MP + 2MP ค่ารูรับแสง f/2.2 + f/2.4 + f/2.4 พร้อม LED flash
– กล้องหน้าความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสง f/2.4
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง
– รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, microUSB 2.0, OTG, GPS,A-GPS
– แบตเตอรี่ความจุ 6000mAh (10W Charge)
– ขนาดตัวเครื่อง 164.5×75.9×9.8 มม.
– น้ำหนัก 209 กรัม

ทั้งนี้ realme C12 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Marine Blue และ Coral Red โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ซึ่งหากมีข้อมูลอัปเดตเพิ่มเติมจะนำมาแจ้งให้เพื่อน ๆ ได้ทราบทันที และสามารถติดตามรีวิวฉบับเต็มจากทางทีมงานได้ที่เพจ https://www.facebook.com/9thaiphone.fc/ และเว็บไซต์ www.ninethaiphone.com เร็ว ๆ นี้ค่ะ