ย้อนอดีตวิวัฒนาการ กว่าจะมาเป็นแล็ปท็อป-แท็บเล็ตยุคดิจิทัล

ย้อนอดีตวิวัฒนาการ กว่าจะมาเป็นแล็ปท็อป-แท็บเล็ตยุคดิจิทัล

คนรุ่นใหม่เติบโตมากับแล็ปท็อป และแท็บเล็ต เครื่องบาง เบาทั้งน้ำหนักและราคา พกพาไปได้ทุกที่ ซึ่งทั้งสองสมาร์ทดีไวซ์เปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือปลดล็อคศักยภาพด้านเทคโนโลยี ที่คอยช่วยอำนวยความสะดวกให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

พร้อมทั้งสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ได้อย่างกว้างขวาง ย่อโลกทั้งใบให้เล็กลงได้อีกด้วย มาดูกันสักหน่อยว่าที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง และ “แล็ปท็อป” กับ “แท็บเล็ต” แบบไหนถึงตอบโจทย์คนยุคใหม่กัน?

แล็ปท็อปยุค 2020 นวัตกรรมทันสมัย ยืดหยุ่นตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

คอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นราวปี 1930 เพื่อใช้สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเท่านั้น จากนั้นในปี 1960 คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเครื่องแรกได้ถือกำเนิดขึ้นและถูกวางขายตามท้องตลาด และถูกพัฒนามาเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เริ่มได้รับความสนใจในปี 1970

จนในช่วงต้นปี 2000 แล็ปท็อปก็เริ่มถือกำเนิดและได้รับความนิยมจากคนทั่วไปปัจจุบันแล็ปท็อปมีรูปร่างและขนาดที่เล็กลงมากจนใกล้เคียงกับแท็บเล็ต ตอบโจทย์วิถีชีวิตแบบใหม่ที่แล็ปท็อปได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งการดำรงชีวิตของผู้คน

จากการคาดการณ์ของ Marketeer กล่าวว่า ปี 2020 ตลาดคอมพิวเตอร์จะเติบโตขึ้น 3% คิดเป็น 2.35 – 2.4 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นแล็ปท็อปโต 7% คิดเป็น 1.175 – 1.2 ล้านเครื่อง (ตัวเลขอ้างอิงจากตลาดปี 2019) รองรับกระแส Work from Home และการเรียนออนไลน์ของสถาบันการศึกษาต่างๆ ทำให้หลายค่ายต่างหันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ ที่เน้นทั้งความบางเบาและประสิทธิภาพแบบจัดเต็ม หน้าจอคมชัด

ซึ่งก็มีแบรนด์ชั้นนำได้พัฒนาการแสดงผลแบบ FullView Display เอกสิทธิ์เฉพาะตัวขึ้นมา หรือแม้กระทั่งการอำนวยความสะดวกการปิดเปิดเครื่องด้วยปุ่มสแกนลายนิ้วมือ หรือบางรุ่นมีการซ่อนกล้องหน้าที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวแบบ Recessed Camera เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากแล็ปท็อปในอดีตอย่างสิ้นเชิงทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน และดีไซน์ของตัวเครื่องที่บางลง

ซึ่งรวมถึงหัวเว่ยด้วยที่ได้พัฒนาแล็ปท็อปดีไซน์โดดเด่น เลือกใช้วัสดุที่ประณีตมาเป็นองค์ประกอบหลักของเครื่อง และมาพร้อมประสิทธิภาพในการทำงานแบบไร้ขีดจำกัด ซึ่งนับเป็นอัตลักษณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นจากแบรนด์หัวเว่ยที่ทำให้ Huawei MateBook Series ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง มีฟังก์ชั่นในการใช้งานที่หลากหลายและตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน

ทั้ง MateBook X Pro สุดยอดแล็ปท็อปเรือธงประจำค่าย รองรับการทำงานที่ดีที่สุดระดับมืออาชีพ มีจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ได้แก่ MateBook X Pro (i7) ขณะที่ MateBook เป็นแล็ปท็อปพรีเมี่ยม ฟังก์ชั่นครบ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงานได้เป็นอย่างดี

โดยเพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยไป คือ MateBook 14 (R5, R7) และ MateBook D แล็ปท็อปที่พกพาง่าย ฟังก์ชั่นพร้อม ราคาเข้าถึงได้ ตอบสนองทุกความต้องการของเด็กวัยรุ่น วัยเรียน และเด็กจบใหม่ ทั้ง MateBook D 15 (R5, R7) และ MateBook D 14 (R7, i7)

แท็บเล็ต สมาร์ทดีไวซ์ที่ให้มากกว่าความบันเทิง

เมื่อแท็บเล็ตรุ่นแรกถูกเปิดตัวในปี 2010 ก็ทุบสถิติ Guinness World Record ในด้านการเป็นอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยขายได้ 3 ล้านเครื่อง ในระยะเวลาเพียง 80 วัน เพราะนับเป็นดีไวซ์ที่พกพาง่าย บางเบา ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ทุกที่ทุกเวลา

จากนั้นเป็นต้นมาแท็บเล็ตก็มีวิวัฒนาการต่อเนื่องกันจากหลากหลายค่าย ที่พัฒนาเพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งปัจจุบันแท็บเล็ตก็ถูกพัฒนาให้มีความสามารถใกล้เคียงแล็ปท็อป เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด

ซึ่งนอกเหนือจากความบันเทิง ยังมีนวัตกรรมที่สร้างสรรค์มาให้ครอบครัวและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในแท็บเล็ตที่น่าสนใจก็หนีไม่พ้นหัวเว่ยที่มีหลายรุ่นรองรับการใช้งานหลายรูปแบบ คือ Huawei MatePad Series ที่ตอบโจทย์การทำงานของกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย เหมาะสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น เด็กเล็ก วัยรุ่น วัยทำงาน พ่อแม่ หรือผู้สูงอายุ

ทั้ง MatePad Pro แท็บเล็ตคู่ใจสำหรับสายทำงานระดับพรีเมียม รุ่นนี้มีตัวเลือกทั้งชิปเช็ต 5G, 4G และ WiFi เพื่อประสิทธิภาพที่เหนือระดับที่สุด และ MatePad แท็บเล็ตรุ่นกลาง ครบเครื่องสำหรับการเรียน และทำงาน เอาใจนักเรียน นักศึกษาโดยเฉพาะ สามารถใช้ M-Pencil จดบันทึก วาดภาพ และคำนวณ

รวมถึงใช้งานแอปพลิเคชันได้พร้อมกันถึง 2 หน้าต่างได้อีกด้วย ขณะที่ MatePad T แท็บเล็ตน้องเล็ก ผู้ช่วยคนสำคัญ พกพาไปได้ทุกที่ มี e-book Mode ช่วยถนอมสายตา มีฟีเจอร์ Kid’s Corner และ Parental Control เทคโนโลยีที่คอยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อย ซึ่งมี 2 รุ่น คือ MatePad T8 และ MatePad T 10 series ประกอบไปด้วย MatePad T 10s และ MatePad T 10 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้

ล่าสุดหัวเว่ยเปิดตัว Huawei MateBook 14 พร้อม MatePad T 10s ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของหัวเว่ยในการพัฒนาทั้ง “แล็ปท็อป” และ “แท็บเล็ต” กับคอนเซ็ปท์ที่มาพร้อมความทันสมัย ความคล่องตัว และความเป็นเอกลักษณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความบันเทิงให้กับทุกคน

พร้อมการสร้างประสบการณ์การเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ ครบจบในอีโคซิสเต็มส์เดียวบนอุปกรณ์ทั้งหมดของหัวเว่ย โดยกลยุทธ์ทั้งหลายถูกสะท้อนให้เห็นผ่านสมาร์ทดีไวซ์รุ่นล่าสุดทั้งสองตัวที่เพิ่งเปิดตัวไปได้เป็นอย่างดี พร้อมนำประสบการณ์ของผู้ใช้จริงมาเป็นกลไลพื้นฐานพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม ภายใต้ความร่วมกับพันธมิตรเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกต่อไป

Huawei MateBook 14 แล็ปท็อปรุ่นพรีเมียม เครื่องแรง แถมเล่นหนักแค่ไหนเครื่องก็ไม่ร้อนด้วยพัดลมแบบคู่ และช่องระบายความร้อนถึง 2 ทาง ตอบทุกโจทย์การทำงานได้อย่างครบครัน อีกทั้งพกพาสะดวกเพราะทั้งบาง และเบา โดยจะวางจำหน่ายในสี Space Grey สำหรับชิปเซ็ต Ryzen 5 ราคา 25,990 บาท

ส่วนชิปเซ็ต Ryzen 7 ที่ใช้งานแบบ Multi-touch Screen ได้นั้นอยู่ที่ราคา 29,990 บาท งานนี้มาพร้อมกับแท็บเล็ตอย่าง Huawei MatePad T 10s แท็บเล็ตสำหรับทุกคนในครอบครัว น้ำหนักเบา พกพาไปได้ทุกที่ที่ต้องการ แถมอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ใช้งานได้หลากหลาย

พร้อม Kids Corner และ Parental Control ผู้ช่วยสำคัญในการดูแลลูกน้อย และระบบปกป้องดวงตาถึง 6 แท็บเล็ตรุ่นนี้วางจำหน่ายแล้วในสี Deepsea Blue ทั้ง Huawei MatePad T 10s รุ่น 4G ในราคา 7,990 บาท และรุ่น Wi-Fi ราคา 5,990 บาท จับจองกันได้แล้วที่ Huawei Experience Store และ Huawei Online Store https://shop.Huawei.com/th รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ