อัพเดทข้อมูล!! สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงแต่ละแบรนด์ พร้อมราคา สเปค วันเปิดตัว และวันวางจำหน่าย

อัพเดทข้อมูล!! สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงแต่ละแบรนด์ พร้อมราคา สเปค วันเปิดตัว และวันวางจำหน่าย

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ สำหรับใครที่กำลังศึกษาข้อมูลและรายละเอียดสมาร์ทโฟนระดับเรือธง และชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถูกเปิดตัวมาพร้อมกัน วันนี้เราขอมาอัพเดทข้อมูลของสมาร์ทโฟนระดับเรือธงแต่ละแบรนด์ พร้อมราคา สเปค วันเปิดตัว รวมไปถึงวันวางจำหน่าย เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ทราบข้อมูลในเบื้องต้นกัน ทั้งนี้หากมีข้อมูลใหม่ๆ เราก็จะมาอัพเดทให้ทราบกันอยู่เรื่อยๆ ค่ะ เราไปชมรายละเอียดข้อมูลนี้กันเลยค่ะ

iPhone SE

สมาร์ทโฟนน้องใหม่ของค่ายที่มาพร้อมหน้าจอ LED ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 1136 x 640 พิกเซล รันระบบปฎิบัติการ iOS 9.3 ขับเคลื่อนด้วยชิป Apple A9 (64-bit) แบบ dual-core processor ความเร็ว 1.85GHz พร้อม RAM 2GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB และ 64GB กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง ƒ/2.2 พร้อม True-Tone Flash รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K

กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง ƒ/2.4 พร้อม Retina Flash, FaceTime HD, HDR รองรับ Nano-SIM, NFC, Touch ID และ Apple Pay ทั้งยังมีเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือติดตั้งอยู่ในปุ่มโฮม ซึ่งขณะนี้มีการเปิดเผยราคาวางจำหน่ายของ iPhone SE ในประเทศไทยออกมาแล้ว โดยรุ่นความจุ 16GB มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 16,800 บาท และ รุ่นความจุ 64GB มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 20,800 บาท

iPhone 6s

สมาร์ทโฟนเรือธงของ Apple ที่เปิดตัวไปช่วงปลายปี 2015 ที่ผ่านมา โดยมาพร้อมสีใหม่แสนสวยอย่างสีโรสโกลด์ มีคุณสมบัติใหม่อย่างหน้าจอ 3D Touch เจเนอเรชั่นถัดไปของ Multi-Touch รวมถึงคุณสมบัติ Peek และ Pop ที่เราสามารถดูตัวอย่างคอนเทนต์ทุกประเภท หรือแม้แต่จะทำอะไร กับคอนเทนต์นั้นก็ได้โดยไม่ต้องเปิดขึ้นมาจริงๆ

iPhone 6s มาพร้อมหน้าจอ LED ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334 x 750 พิกเซล ขับเคลื่อนด้วยชิปล้ำสมัยอย่าง Apple A9 (64-bit) หน่วยความจำ RAM ขนาด 2GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB , 64GB และ 128GB กล้องถ่ายภาพความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Live Photos ชุบชีวิตรูปถ่ายให้มีชีวิตชีวา

กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อม Retina Flash รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ทั้งยังปลดล็อค iPhone ได้อย่างง่ายดายด้วย Touch ID เพียงวางนิ้วลงบนปุ่มโฮมเท่านั้น iPhone 6s รุ่นความจุ 16GB มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 26,500 บาท รุ่นความจุ 64GB มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 30,500 บาท และรุ่นความจุ 128GB มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 34,500 บาท โดยเป็นราคาของ Apple Store Thai ค่ะ

iPhone 6s Plus

สมาร์ทโฟนรุ่นพี่ของ iPhone 6s โดยเปิดตัวออกมาพร้อมกัน มาพร้อมหน้าจอ LED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ขับเคลื่อนด้วยชิป Apple A9 หน่วยความจำ RAM ขนาด 2GB และหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB, 64GB และ 128GB กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Live Photos ชุบชีวิตรูปถ่ายให้มีชีวิตชีวา กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อม Retina Flash รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K

มีคุณสมบัติใหม่อย่างหน้าจอ 3D Touch เจเนอเรชั่นถัดไปของ Multi-Touch รวมถึงคุณสมบัติ Peek และ Pop ที่เราสามารถดูตัวอย่างคอนเทนต์ทุกประเภท หรือแม้แต่จะทำอะไร กับคอนเทนต์นั้นก็ได้โดยไม่ต้องเปิดขึ้นมาจริงๆ แบตเตอรี่ความจุ 2750 mAh โดย iPhone 6s Plus มีราคาวางจำหน่ายที่ Apple Store Thai รุ่นความจุ 16GB ราคา 26,500 บาท รุ่นความจุ 64GB ราคา 30,500 บาท และรุ่นความจุ 128GB ราคา 34,500 บาท

iPhone 7

ถึงแม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสเปคการใช้งาน ดีไซน์ รวมไปถึงราคาวางจำหน่ายของ iPhone 7 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดที่จะถูกเปิดตัวในช่วงปลายปี 2016 ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Apple A10 ที่แรงกว่าเดิมหลายเท่า ดีไซน์จะมีความบางมากยิ่งกว่าเดิมเนื่องจากมีการตัดช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรออก และใช้พอร์ตแบบ Lightning แทน มี Touch ID ที่ปุ่ม Home ทำงานได้รวดเร็วขึ้น รองรับ Quick Charge และมาพร้อม 3D Touch แบบใหม่ ทั้งยังอาจมีคุณสมบัติกันน้ำอีกด้วย (ยังไม่กำหนดราคา)

iPhone 7 Plus

เรือธงอีกรุ่นของ Apple ที่จะเปิดตัวพร้อมกับ iPhone 7 ในช่วงปลายปี 2016 ที่ยังไม่ระบุราคาวางจำหน่ายออกมาเช่นเดียวกัน คาดมาพร้อมเลนส์กล้องหลังคู่ ที่มีไมค์และแฟลช LED ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเลนส์จะผลิตโดย Sony เลนส์ตัวหนึ่งสามารถจับภาพในมุมกว้างได้ อีกเลนส์มีระบบกันสั่นไหว และมีฟีเจอร์ Optical Zoom คุณภาพระดับโปร

หน้าจออาจเปลี่ยนมาใช้เป็นจอ AMOLED ดีไซน์จะมีความบางยิ่งขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากมีการตัดช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรออก และใช้พอร์ตแบบ Lightning แทน รองรับฟีเจอร์ 3D Touch แบบใหม่ และอาจมาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำ (ยังไม่กำหนดราคา)

*********************************************************

Samsung Galaxy S7

สมาร์ทโฟนเรือธงระดับท็อปรุ่นล่าสุดจาก Samsung ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด 2560×1440 พิกเซล กระจกหน้าจอแบบ 2.5D ขับเคลื่อนด้วยชิป Octa-Core Samsung Exynos 8890 หรือ Qualcomm Snapdragon 820 SoC

มีหน่วยความจำ RAM 4GB และหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB กับ 64GB รองรับ microSD สูงสุดถึง 200GB กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.7 กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.7 พร้อม Auto HDR รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบตเตอรี่ Li-Ion มีความจุ 3000 mAh มาพร้อมระบบ Fast Charging

มีฟีเจอร์ Always-On Display แจ้งเตือนได้แม้อยู่ในโหมดพักหน้าจอ และคุณสมบัติเด่นอย่างฟีเจอร์ป้องกันน้ำและป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ที่สามารถกันน้ำได้ในระดับ 1 เมตร 30 เซนติเมตร ในเวลา 30 นาที มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 23,900 บาท

Samsung Galaxy S7 edge

มาพร้อมหน้าจอ Super AMORED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด1440 x 2560 พิกเซล ให้ภาพคมชัด สีสันสดใส บนจอโค้งมีมิติทั้ง 2 ด้าน กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล กับเทคโนโลยี Dual Pixel ให้ภาพคมชัดโฟกัสอัตโนมัติไว มีฟีเจอร์ป้องกันน้ำและป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ที่สามารถกันน้ำได้ในระดับ 1 เมตร 30 เซนติเมตร นาน 30 นาที

ขับเคลื่อนด้วยชิป Octa-Core Samsung Exynos 8890 หรือ Qualcomm Snapdragon 820 SoC มีหน่วยความจำ RAM 4GB และหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB กับ 64GB รองรับ microSD สูงสุดถึง 200GB แบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 3600 mAh

มีฟีเจอร์ Always-On Display แจ้งเตือนได้แม้อยู่ในโหมดพักหน้าจอ และคุณสมบัติเด่นอย่างฟีเจอร์ป้องกันน้ำและป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ที่สามารถกันน้ำได้ในระดับ 1 เมตร 30 เซนติเมตร ในเวลา 30 นาที ทั้งยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Samsung Galaxy S7 edge มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 26,900 บาท

Samsung Galaxy Note 6

สมาร์ท โฟนเรือธงจาก Samsung ผู้ผลิตยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนกรกฏาคมนี้ และยังไม่กำหนดราคาวางจำหน่ายออกมาให้ได้ทราบกัน สำหรับรายละเอียดสเปคการใช้งานที่ระบุออกมาเป็นดังนี้

– หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว
– ความละเอียดระดับ 4K Ultra HD
– ระบบปฎิบัติการ Android N ใหม่
– CPU Snapdragon 823 หรือ Samsung Exynos 8890 SoC
– RAM 6GB
– ROM 32GB, 64GB กับ 128GB
– กล้องหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.7 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), เซ็นเซอร์รับภาพเทคโนโลยี Dual Pixel, phase detection auto focus, Motion Panaroma, flash LED และ Auto HDR
– กล้องหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/1.7 พร้อม Auto HDR
– คุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
– เทคโนโลยีสแกนม่านตา
– แบตเตอรี่ความจุ 3700 mAh

(ยังไม่กำหนดราคา)

*********************************************************

Moto X3

สมาร์ทโฟนเรือธงจากค่าย Motorola ที่มีกำหนดการเปิดตัวในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ โดยจะทัหน้าจอขนาด 5 นิ้ว รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ใช้ชิป Quad-core MediaTek มี RAM 2GB และใช้งานได้เพียงซิมการ์ดเดียว สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ต้องมาติดตามกันต่อไปค่ะ (ยังไม่กำหนดราคา)

*********************************************************

OnePlus 3

เรือธงลำล่าสุดจากค่าย OnePlus ที่จะถูกเปิดตัวในเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะมาพร้อมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว รันระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 820 (ยังไม่กำหนดราคา)

*********************************************************

HTC 10

เรือธงรุ่นท๊อปที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อ 12 เมษายนนี้ มาพร้อม dual LED flash และระบบเลเซอร์โฟกัส มี RAM 4G หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB และ 64GB รองรับ microSD card ความจุสูงสุด 2TB ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 820 และฟีเจอร์ IP53 ป้องกันน้ำและฝุ่น ที่สามารถป้องกันน้ำได้แบบเต็มรูปแบบ

มีหน้าจอ AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด Quad HD รันระบบปฎิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ครอบทับด้วย HTC Sense 8 UI กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ความจุ 3000mAh รองรับ Quick Charge 3.0 รอรับพอร์ต USB Type-C และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 24,600 บาท ซึ่งเป็นราคาต่างประเทศ

*********************************************************

OPPO Find 9

เรือธงรุ่นต่อไปของ OPPO ที่มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.9 นิ้ว ความละเอียดระดับ Quad HD ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 820 มี RAM 4GB  กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายคลิปวีดีโอความละเอียดระดับ 4K และเซลฟี่ผ่านกล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้าน พิกเซล (ยังไม่กำหนดราคา)

*********************************************************

Huawei P9

สมาร์ทโฟนเรือธงสุดหรูเปิดตัวมาพร้อมกับฟีเจอร์กล้องเลนส์คู่จาก Leica แบรนด์กล้องและเลนส์ระดับพรีเมี่ยม มีหน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.2 นิ้วความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พร้อมกระจกโค้ง 2.5D กันรอย Gorilla Glass 3 รัน Android 6.0 MarshMallow ครอบทับด้วย EMUI 4.1 ขับเคลื่อนด้วย Hisilicon Kirin 955 Octa Core

พร้อม RAM 3GB และ 4GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB และ 64GB รองรับ microSD card สูงสุด 128GB กล้องหลังแบบเลนส์คู่ (Dual Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แบตเตอรี่ Li-Po ความจุ 3000mAh

Huawei P9 รุ่น RAM 3GB กับ ROM 32GB มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 24,000 บาท และรุ่น RAM 4GB กับ ROM 64GB มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 26,000 บาท ซึ่งเป็นราคาต่างประเทศ

*********************************************************

Xiaomi Mi5

สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงมีบอดี้เซรามิกสุดแข็งแกร่ง และสามารถทำคะแนน AnTuTu ได้เฉียด 180,000 คะแนน สเปคแรง ดีไซน์สวยหรู มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 10,700 บาท (RAM 3GB/ROM 32GB), 12,600 บาท (RAM 3GB/ROM 64GB), 14,800 บาท (RAM 4GB/ROM128GB) ซึ่งเป็นราคาต่างประเทศ

มาพร้อมหน้าจอ IPS ขนาด 5.15 นิ้ว กระจก Gorilla Glass 4 ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล รันระบบปฎิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ครอบทับ MIUI 7 ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 820 ซีพียูรหัส Kyro ความเร็ว 1.8GHz – 2.15GHz มี RAM 3GB และ 4GB และหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB, 64GB และ 128GB

กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ IMX298 จาก Sony กล้องหน้าความละเอียด 4 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี UltraPixel รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ทำงานต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ความจุ 3,000mAh พร้อม Quick Charge 3.0 ซึ่ง Xiaomi Mi 5 เริ่มวางจำหน่ายแล้วในประเทศจีน ส่วนจะมีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อใดเราคงต้องมาติดตามความคืบหน้ากันต่อไปค่ะ

*********************************************************

Meizu Pro 6
สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นต่อไปที่จะมาพร้อม RAM 6GB หน้าจอรองรับเทคโนโลยี 3D Press และคาดว่าจะมี 2 โมเดลด้วยกันคือ รุ่น RAM 6GB กับ ROM 128GB และรุ่น RAM 4GB กับ ROM 64GB ทั้งสองรุ่นจะขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio X25 (1.4 GHz Quad Core + 2 GHz Quad Core + 2.5 GHz Dual Core)

มีหน้าจอแสดงผล Super AMOLE ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล RAM 4GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB และ 64GB รองรับ microSD card สูงสุด 128GB กล้องหลังความละเอียด 21 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash 10 ดวง กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ความจุ 2,560mAh

โดย Meizu Pro 6 จะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศจีน รุ่น 32GB สนนราคาอยู่ที่ 2,500 หยวน หรือประมาณ 13,500 บาท ขณะที่รุ่น 64GB สนนราคาอยู่ที่ 2,800 หยวน หรือประมาณ 15,000 บาท

*********************************************************

vivo XPlay 5

สมาร์ทโฟนเรือธงระดับท็อปตัวแรกของโลกที่มาพร้อม RAM 6GB พ่วงมาด้วยสเปคจัดหนักจัดเต็มมีดีไซน์สวย บอดี้โลหะอะลูมิเนียม ด้านหลังมีความโค้งเว้าบริเวณขอบเครื่อง หน้าจอขนาด 5.43 นิ้ว มีความคมชัดะดับ 2Kครอบด้วยกระจกกันรอย Gorilla Glass 4 มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่สามารถปลดล็อกมือถือได้เร็วแค่ 0.4 วินาที และมีกล้องถ่ายภาพที่สามารถโฟกัสได้เร็วเพียง 0.1 วินาที

มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.43 นิ้ว ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 820 Quad-core และSnapdragon 652 Octa-core หน่วยความจำ RAM 4GB และ 6GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 128GB กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ความจุ 3,600mAh

vivo XPlay 5 เริ่มวางจำหน่ายแล้วที่ประเทศจีน โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น RAM 4GB สนนราคาอยู่ที่ 3,698 หยวน หรือประมาณ 20,100 บาท รุ่น RAM 6GB สนนราคาอยู่ที่ 4,288 หยวน หรือประมาณ 23,400 บาท

*********************************************************

Alcatel Idol 4

– หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.2 นิ้ว
– ความละเอียด 1,920 x 1,080 พิกเซล
– ระบบปฎิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow
– CPU Qualcomm MSM8952 Snapdragon 617 quad-core 1.7 GHz Cortex-A53 และ quad-core 1.2 GHz Cortex-A53
– RAM 2GB และ 3GB
– ROM 16GB
– รองรับ microSD card
– แบตเตอรี่ความจุ 2,610mAh
– กล้องหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม dual-LED flash
– กล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash
(ยังไม่กำหนดราคา)

Alcatel Idol 4S

– หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว
– ความละเอียด 2,560 x 1,440 พิกเซล
– ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow
– CPU Qualcomm MSM8976 Snapdragon 652 quad-core 1.8 GHz Cortex-A72 และ quad-core 1.4 GHz Cortex-A53
– RAM 3GB
– ROM 32GB
– รองรับ microSD card
– แบตเตอรี่ความจุ 3,000mAh
– กล้องหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อม dual-LED flash
– กล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED flash
(ยังไม่กำหนดราคา)

*********************************************************

Acer Liquid Jade 2

สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของ Acer ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Mobile World Congress 2016 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้ง Corning Gorilla Glass 2.5D ฝาหลังโค้งมนหยิบจับถนัดมือ จอแสดงผลรองรับเทคโนโลยี Zero Air Gap สามารถใช้งานที่แสงจ้าได้

ใช้ชิป Snapdragon 808 พร้อม RAM 3GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB รองรับ microSD card เก็บภาพด้วยความคมชัดด้วยกล้องที่มีความละเอียด 21 ล้านพิกเซล และบันทึกวีดีโอได้ในระดับ 4K กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ยังไม่ระบุกำหนดวันวางจำหน่ายรวมไปถึงราคาวางจำหน่ายออกมาให้ได้ทราบกัน (ยังไม่กำหนดราคา)

*********************************************************

Huawei GR5

สมาร์ทโฟนระดับเรือธงทันสมัยชูฟีเจอร์เด่น Smart Touch สแกนนิ้วจังหวะเดียวแบบ 360 องศาสุดล้ำ มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 616 หน่วยความจำ RAM 2GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB รองรับ microSD สูงสุด 128GB

กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง ƒ/2.0, flash LED, Auto Focus กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับการทำงานได้นานสูงสุด 35 ชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh อย่างไรก็ดี Huawei GR5 วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทยสนนราคาอยู่ที่ 8,990 บาท

*********************************************************

LG G5

เรือธงดีไซน์ใหม่ล้ำสมัยมากับหน้าจอระดับ 2K ขนาด 5.3 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 820 หน่วยความจำ RAM 3GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB กล้องหลังคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล โฟกัสด้วยเลเซอร์ กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แบตเตอรี่ความจุ 2,800mAh สามารถถอดแบตเตอรี่ออกได้ มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ Always ON มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ราว $650 – $700 หรือประมาณ 23,300 – 25,100 บาท

*********************************************************