ซัมซุงส่งโทรศัพท์มือถือระดับล่าง-กลางลุยตลาด ในราคาไม่แพง เพียง 6,590 บาท แต่ได้ประสิทธิภาพที่ดีพอตัว เน้นเร็วลื่น ไม่หน่วงจนรำคาญหรือหงุดหงิดอย่างแน่นอน กับรุ่นนี้ Galaxy Core 2
แรง เร็ว ลื่น ด้วย CPU Quad-core แถมยังรองรับการทำงาน 2 ซิมการ์ด รอรับสายพร้อมกันไม่ต้องสลับใช้ไปมาทีละซิมการ์ด ขยายหน่วยความจำได้ด้วย microSD card ที่ราคาถูกลงมากในปัจจุบัน ติดตั้งเกมหรือแอพพลิเคชั่นได้มากมายจุใจลงใน microSD มาพร้อมกับขนาดหน้าจอที่เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป เล่นเกมสุดฮิตของยุคนี้ได้แบบไม่อึดอัด แต่เสียดายที่หน้าจอรุ่นนี้ไม่ป้องกันแสงสะท้อนจากภายนอก และภาพอาจจะไม่สวยเท่า Samsung Galaxy Ace 3 ที่มีราคาใกล้เคียงกัน
ข้อมูลจำเพาะของ Samsung Galaxy Core 2
การเชื่อมต่อ |
USB Version |
2.0 |
์NFC |
ไม่มี |
Wi-Fi |
802.11 /b/g/n |
Wi-Fi Direct |
รองรับ |
Bluetooth Version |
4.0 |
อื่น ๆ |
ไม่รองรับสายเชื่อมต่อ MHL และ DLNA |
เครือข่าย
|
SIM |
Micro-SIM รองรับ 2 SIM |
3G |
900, 2100 MHz |
4G (LTE) |
ไม่รองรับ |
ระบบปฏิบัติการ |
OS และเวอร์ชั่น |
Android 4.4.2 (Kitkat) |
จอแสดงผล |
ชนิด |
TFT |
ความละเอียด |
480 x 800 พิกเซล |
ขนาด |
4.5 นิ้ว |
ความหนาแน่นพิกเซล |
207 ppi |
หน่วยประมวลผล |
CPU |
Quad-core, 1.2 GHz |
หน่วยความจำ |
RAM |
0.76GB |
ROM |
4GB รองรับ microSD เพิ่มเติมได้ถึง 64 GB |
กล้อง |
กล้องหลัง |
5 ล้านพิกเซล |
ไฟแฟลช |
LED 1 ดวง |
กล้องหลังโฟกัสอัตโนมัติ |
รองรับ |
กล้องหน้า |
0.3 ล้านพิกเซล |
วิดีโอ |
480p@30fps |
ลูกเล่นที่มี |
ไม่มี |
เซ็นเซอร์ |
Accelerometer |
แบตเตอรี่ |
การถอดเปลี่ยนเอง |
ได้ |
ความจุ |
2,000 mAh |
โครงสร้างภายนอก |
ขนาด |
68 x 130.3 x 9.8 mm. |
น้ำหนัก |
138 g. |
รูปลักษณ์ของตัวเครื่อง
มาดูที่ตัวเครื่องสีดำกันก่อน ฝาหลังทำผิวพลาสติกให้หนืดและขรุขระ มีลวดลายและความรู้สึกคล้ายหนังเทียมเมื่อได้สัมผัส คล้ายกับฝาหลังของ Galaxy Grand 2 แต่ยังไม่ดีเท่า Galaxy Note 3
โลโก้ซัมซุง เป็นการสกรีนสีขาวอ่อนลงบนฝาหลัง มีกล้อง ไฟแฟลช และช่องลำโพงอยู่เหนือโลโก้นี้
ด้านข้างตัวเครื่องฝั่งซ้ายมือ เป็นปุ่ม Volume สีเงินแวววาว ทำสีให้ดูคล้ายโลหะ
ฝั่งขวามือเป็นปุ่ม Power มีตำแหน่งปุ่มที่กดง่าย มือเล็กอย่างเด็ก ๆ ก็กดได้ถนัด
ดีไซน์ด้านหน้า ก็เหมือนกับ Samsung Galaxy ทั่วไป มีคำว่า Duos กำกับไว้หมายถึงรองรับ 2 SIM
ด้านล่างก็มีปุ่ม Home และปุ่ม Menu + Back เหมือนทุกรุ่นตามแบบฉบับของ Samsung
พอร์ต microUSB อยู่ตรงกลาง ด้านล่างตัวเครื่อง
ตัวเครื่องสีขาว สียอดนิยมของคนไทย สีขาวตัดขอบสีเงินรอบตัวเครื่อง ให้ความรู้สึกที่หรูหราล้ำสมัย
ผิวด้านหน้าสีขาว เป็นสีขาวเรียบ ๆ ไม่ได้มีการทำลวดลาย Texture อย่าง Galaxy Note 3 ที่เป็นลายเส้น
รุ่นนี้มีไมโครโฟนเพียงตัวเดียวที่ด้านล่างตัวเครื่อง ไม่มีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนรอบข้าง
ช่องต่อหูฟังอยู่ที่ด้านบน
ผิวของฝาหลังทำลวดลายคล้ายหนังเทียมสีขาว ดูแลรักษาไม่ยาก เป็นรอยขีดข่วนได้ยาก
ขอบสีเงินรอบตัวเครื่อง ที่ดูแวววาว ก็มีการเคลือบน้ำยาป้องกันสีหลุดลอกไว้ ยืดอายุการใช้งาน
ซอฟต์แวร์
เริ่มต้นเปิดใช้งาน พบกับ Lock screen ที่ดูสดใส ทันสมัย สวยงาม มีปุ่มลัดเข้ากล้องถ่ายภาพ ถ้าไม่ปลดล็อค ก็สามารถเข้าดูการแจ้งเตือนบน Notification Center ได้เพียงแค่ลากนิ้วจากด้านบนลงด้านล่างของจอภาพ นอกจากนี้ก็ยังปุ่มลัดสำหรับเปิดปิดฟังก์ชั่นของเครื่อง สะดวกและง่ายกว่าการเข้าไปหาปุ่มเปิดปิดในเมนูที่อยู่ ลึกกว่า
็Home screen เป็นแบบเรียบ ๆ ไม่มีลูกเล่นหรือ Widget อะไรมากมาย เพื่อให้ตัวเครื่องทำงานได้อย่างเร็วและลื่นมากที่สุดนั่นเอง ลองเข้าไปในเมนูโทรศัพท์ ก็จะพบกับปุ่มกดขนาดใหญ่ กดอย่างไรก็ไม่พลาด
สมุดโทรศัพท์และบันทึกรายการโทร แสดงภาพถ่ายของรายชื่อ และบอกละเอียดว่าเป็นการโทรเข้าหรือโทรออกหรือพลาดการรับสายของหมายเลข SIM 1 หรือ 2
แอพพลิเคชั่นที่ให้มา มีมากมาย บางอย่างที่ไม่จำเป็นก็สามารถลบเองได้ในภายหลัง
เมนูการตั้งค่าหลักของตัวเครื่อง เรียงลงมายาว 4 หน้า แต่แบ่งไว้เป็นหมวดหมู่ ค้นหาไม่ยาก ไม่สับสน
มาพร้อมกับ Andriod 4.4.2 (KitKat) | ตั้งค่าซิมการ์ดทั้ง 2 หมายเลขได้ไม่ยาก
เก็บสถิติการใช้ Data | เมนูตั้งค่าจอภาพ
ปรับเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษรและขนาดได้หลากหลาย
มีโหมดประหยัดพลังงานและตั้งค่าการโทรได้ตามมาตรฐานแอนดรอยด์รุ่นใหม่
จัดการแอพพลิเคชั่น และบริหารพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ ลบแอพพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็นออกบ้าง
ดูการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลแบ่งตามประเภท ถ้าต้องการลบรูปภาพ ก็ไปที่อัลบั้ม เลือกลบได้ทันที
ปฏิทิน สมุดบันทึก และคีย์บอร์ดภาษาไทยที่มากับตัวเครื่อง
ตั้งเวลาและบันทึกเสียงได้
มีวิทยุ FM และเครื่องคำนวณ
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพ ก็มีโหมดให้เลือกใช้หลาย Scene หรือง่ายที่สุดก็คือเลือกอัตโนมัติ
เลือกขนาดรูปถ่ายได้สูงสุด 5 ล้านพิกเซล
ตั้งค่าโฟกัสและจุดวัดแสงได้
ตั้งค่า ISO และขนาดของวิดีโอที่จะถ่าย
และสุดท้ายการตั้งค่าทั่วไปของกล้อง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Samsung Galaxy Core 2
ทดสอบถ่ายภาพระยะใกล้ คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดจริงที่ไม่มีการลดขนาดหรือปรับแต่งใด ๆ
ทดสอบถ่ายภาพในสภาวะแสงปานกลาง
ทดสอบถ่ายภาพในสภาวะแสงปานกลาง
ทดสอบถ่ายภาพในสภาวะแสงค่อนข้างน้อย
ทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องหน้า ไม่สามารถโฟกัสได้ ภาพจึงไม่คมเท่าที่ควร
สรุปการทดสอบใช้งาน Samsung Galaxy Core 2
- ความคุ้มค่าอยู่ในระดับปานกลาง แต่เร็วลื่นจริงอย่างที่ซัมซุงโฆษณา
- ซัมซุงตัดลูกเล่นที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกว่าตัวเครื่องทำงานได้เร็ว ตามที่ผู้ใช้ตัดสินว่าเครื่องใดเร็วลื่นจากการสไลด์หน้าจอและความเร็วในการเปิดใช้แอพพลิเคชั่นหลายตัว
- ฝาหลังเป็นรอยขีดข่วนได้ยากกว่ารุ่นเก่า และดูดีขึ้น จากการทำผิวของฝาหลังพลาสติกให้คล้ายหนังเทียม
- ขอบตัวเครื่องสีเงินแวววาวสวยงามคล้ายโครเมียม
- สเปคโดยรวมถือว่าดี ค่อนข้างคุ้มค่า
- ถ่ายภาพได้รวดเร็วกว่าคู่แข่งมาก ไม่พลาดช็อตสำคัญ
ข้อสังเกต
- ในระดับราคาเดียวกัน คู่แข่งให้กล้องที่ดีกว่ามาก ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
- หน้าจอค่อนข้างเล็ก ไม่ตัดแสงสะท้อน มีปัญหากับการแสดงผลภาพสีดำที่ไม่สมจริง
- ผิวของฝาหลังที่คล้ายหนังเทียม มีอายุการใช้งาน อาจเปลี่ยนสภาพได้
- ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบถ่ายภาพด้วยกล้องหน้า
- ไม่มีเคสแบบฝาฟลิบของแท้เป็นอุปกรณ์เสริม
- เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นของซัมซุงเหมือนกัน ถือว่า Galaxy Ace 3 ยังน่าใช้มากกว่า
- โดยรวมแล้วในระดับราคานี้ ยี่ห้ออื่นอย่าง i-mobile, Huawei หรือ Oppo มีสเปคดีกว่า คุ้มค่ามากกว่า
ตัวเลือกอื่น ในระดับราคาเดียวกัน
ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ฝากกด LIKE + SHARE ด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ ^__^
รุ่นนี้ราคาคุ้มค่ามาก