วิธีเลือกซื้อสมาร์ตโฟนมือสอง เช็คอะไรบ้าง ดูยังไงไม่ให้ได้เครื่องย้อมแมวกลับบ้าน!

วิธีเลือกซื้อสมาร์ตโฟนมือสอง เช็คอะไรบ้าง ดูยังไงไม่ให้ได้เครื่องย้อมแมวกลับบ้าน!

สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้เรามีบทความ How To วิธีเลือกซื้อสมาร์ตโฟนมือสองมาฝากให้ได้ชมกัน โดยเป็นการแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการเช็คข้อมูล เช็ครายละเอียดต่างๆ และการดูเครื่องมือสอง เพื่อกันไว้ไม่ให้เราได้เครื่องย้อมแมว หรือเครื่องที่มีปัญหากลับบ้านค่ะ

สำหรับสมาร์ตโฟนมือสองถือว่ายังได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อยในปัจจุบัน ด้วยราคาที่ถูกกว่าสมาร์ตโฟนมือหนึ่ง อีกทั้งตลาดปัจจุบันมีการเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมาร์ตโฟนบางรุ่นตกรุ่นเร็ว ผู้ใช้งานหลายคนตามเทคโนโลยี เปลี่ยนมือถือใหม่กันเป็นว่าเล่นตามตลาด เพราะชอบมือถือรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีฟีเจอร์ใหม่ๆ ตอบโจทย์การใช้งานมากยิ่งขึ้น และไม่อยากตกเทรนด์

แต่ผู้ใช้งานบางคนไม่ตามเทรนด์ อยากได้มือถือสักเครื่องไว้ใช้งานเฉยๆ อีกทั้งมือถือรุ่นใหม่นั้นมีราคาค่อนข้างสูง หรืออาจเกินงบที่วางไว้ จะรอให้มีการปรับราคาลงตามแคมเปญหรือช่วงเทศกาลสำคัญๆ ก็อาจจะรอไม่ไหว ทำให้มีการซื้อขายสมาร์ตโฟนมือสองกันอย่างคึกคัก

แต่แน่นอนขึ้นชื่อว่ามือสองมีโอกาสความเสี่ยงที่จะได้เครื่องไม่ดีกลับบ้าน อาจเป็นเครื่องเสียหรือพังที่ถูกแกะเครื่องซ่อมมาหลายครั้งแล้ว ผ่านการใช้งานแบบหนักหน่วงมาเยอะ หรือแม้แต่เป็นเครื่องที่ถูกเก็บได้หรือถูกขโมยมาแล้วนำมาขายต่อร้าน ตรงนี้ต้องตรวจสอบและระวังให้ดี

ส่วนจะมีวิธีการเลือกซื้อสมาร์ตโฟนมือสองอย่างไร ต้องเช็คอะไรบ้าง ดูเครื่องยังไง ให้เราได้เครื่องที่ดีที่สุดกลับบ้านจะมีรายละเอียดอะไรบ้างนั้น เราไปติดตามกันเลยค่ะ

เลือกร้านที่น่าเชื่อถือ

อันดับแรกเลยอยากให้เลือกดูร้านที่น่าเชื่อถือ มีหน้าร้านเป็นหลักแหล่ง สามารถติดต่อได้หลังจากที่ซื้อไปแล้ว เพื่อสะดวกต่อการเคลมสินค้าหลังจากที่ซื้อใช้งานแล้วเกิดปัญหาขึ้น หรือหากใครซื้อออนไลน์ตรงนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ แนะนำให้ตรวจสอบร้านดีๆ ดูรีวิวเยอะๆ เลือกร้านที่เปิดขายมานาน และไม่มีประวัติ

เนื่องจากมีข่าวโกงกันให้เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น โอนเงินแล้วหาย โอนเงินแล้วส่งสินค้าไม่ถูกประเภทมาให้ เป็นต้น หรือหากใครซื้อจากบุคคลที่ส่งต่อแล้วลงขายตามเว็บต่างๆ ก็เช่นกัน ทางที่ดีนัดรับสินค้า แล้วตรวจสอบกันต่อหน้าเลยจะดีกว่าค่ะ

ราคา

หลังจากเลือกร้านที่น่าเชื่อถือแล้ว ลำดับต่อมาเราควรดูที่ราคาขายของสมาร์ตโฟนมือสองเครื่องนั้นๆ เพื่อนๆ ต้องคำนวณดูว่าระหว่างราคามือหนึ่งและมือสองต่างกันมากน้อยเพียงใด หากว่าราคาห่างกันไม่มาก อย่างเช่น 1,000 – 2,000 บาท แนะนำให้เพิ่มเงินเพื่อซื้อมือหนึ่งไปเลยจะดีกว่า สบายใจแถมได้อุปกรณ์ครบกล่อง พร้อมประกันจากศูนย์อีกด้วย

และอาจเจอช่วงสมาร์ตโฟนมือหนึ่งลดราคา ทำให้มีราคาใกล้เคียงกับมือสองก็เป็นได้ แต่ในกรณีที่สมาร์ตโฟนมือสองมีราคาถูกกว่ามือหนึ่งอยู่มากก็น่าสนใจ แต่แนะนำให้ดูหลายๆ ร้านหน่อยเพื่อเปรียบเทียบราคาขายค่ะ

สภาพตัวเครื่อง

จากนั้นเรามาดูกันที่สภาพตัวเครื่องกันต่อ ให้ตรวจดูด้วยว่าสภาพเครื่องมีรอยงัดแงะแกะเครื่องแบบสาหัสมาหรือไม่ มีรอยบุบสลายใดๆ ชิ้นส่วนต่างๆ อยู่ครบ และใช้งานได้หรือไม่ หากอยู่ในสภาพที่ดีหรือพอรับได้ มีรอยขนแมวหรือรอยข่วนเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ต้องซีเรียส เพราะอย่าลืมว่านี่คือของมือสองค่ะ

ทดสอบการใช้งานต่างๆ

การซื้อมือถือไม่ว่าจะมือหนึ่งหรือมือสองแนะนำให้ตรวจเช็คการใช้งานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกด้วย อาทิ เปิดเครื่องได้หรือไม่ หน้าจอมีความลื่นไหลของการทัชสรีนดี ตอบสนองไว หน้าจออยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยเม็ดสีเพี้ยน สามารถใช้งานได้ดีหรือไม่

ลำโพงเสียงดังฟังชัดไม่แตกพร่า ลองชาร์จแบตเตอรี่แล้วไฟเข้า และควรทดสอบระบบภายในด้วยว่ามีอาการรวนหรือค้างขัดใจหรือไม่ ลองใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ทั้งการโทรเข้าโทรออกแล้วได้ยินเสียงสัญญาณดีไหม การเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth ดีปกติ หรือแม้แต่กล้องถ่ายภาพ เป็นต้น

อุปกรณ์ภายในกล่อง

ตรวจเช็คด้วยว่าเมื่อซื้อเครื่องมือสองมาใช้งาน ทางร้านมีกล่องบรรจุและอุปกรณ์ภายในกล่องอะไรมาให้หรือไม่ บางเครื่องเจ้าของคนเก่าขนมาให้หมดทั้ง เคสกันรอย, สายชาร์จ, Adapture ชาร์จแบต, หูฟัง หรือคู่มือการใช้งาน เป็นต้น แต่บางคนมีมาให้แค่สายชาร์จ และ Adapture ชาร์จแบตเท่านั้น เพราะอาจจะใช้งานมานานแล้วแต่อยากขายต่อ 

และข้อควรสังเกตหากสมาร์ตโฟนมือสองที่เพื่อนๆ สนใจไม่มีอุปกรณ์ของแท้แถมมาให้ หรือเป็นเครื่องถูกล็อก ระวังเป็นเครื่องที่ถูกขโมยมา หรือถูกเก็บได้แล้วนำมาขายต่อกันด้วยนะคะ อาจโดนข้อหารับซื้อของโจรได้ แต่กระนั้นก็เป็นเรื่องยากอยู่ที่เราจะรู้ได้ว่านี่คือของที่ถูกเก็บได้หรือถูกขโมยมาจริงหรือไม่ บางร้านที่ไม่ดีอาจไปหาซื้ออุปกรณ์ชาร์จแบตมาให้แทนก็ได้ใครจะรู้ เพราะฉะนั้นการซื้อของมือสองต้องดูดีๆ เลยค่ะ

รับประกันหลังการขาย

ข้อสุดท้ายที่เราจะพูดถึงกันในที่นี้คือการรับประกันหลังการขายค่ะ สำหรับสมาร์ตโฟนมือสองที่เพิ่งเปิดตัวและวางขายไปไม่ถึงปีแล้วเจ้าของเก่านำมาส่งต่อ ให้เช็คด้วยว่าเหลือประกันอีกกี่เดือน หากเกิดปัญหาในการใช้งานขึ้นเราสามารถส่งซ่อมศูนย์ได้ต่อเลย แต่สำหรับรุ่นที่เปิดตัวมานานจนเครื่องหมดประกันจากศูนย์ไปแล้ว ส่วนมากทางร้านที่ขายจะมีประกันให้

อย่างเช่น มีปัญหาเปลี่ยนเครื่องได้ภายใน 7 วัน เป็นต้น ก็สบายใจได้ในระดับนึงค่ะ หากเกิดปัญหาขึ้นในระยะเวลาดังกล่าวทางร้านก็รับเคลม รับซ่อม หรือเปลี่ยนเครื่องเป็นรุ่นใหม่ให้ แต่เอาจริงๆ ปัญหามันชอบมาหลังจากนั้นค่ะ 😏 และหากว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ อันนี้ต้องทำใจหน่อยนะคะ นอกจากนี้เลข IMEI เครื่องก็ไม่ควรมองข้าม หากเครื่องที่ซื้อมามีกล่องบรรจุภัณฑ์มาให้ก็ลองตรวจสอบดูด้วยว่าตรงกันหรือไม่

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับบทความเลือกซื้อสมาร์ตโฟนมือสองที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ เพื่อนๆ ควรให้ความสำคัญในหลายส่วน อันดับแรก คือเลือกซื้อกับร้านที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ เผื่อเครื่องมีปัญหาจะติดต่อได้สะดวก รวมถึงป้องกันการถูกโกงด้วย

จากนั้นดูที่ราคาว่าแตกต่างจากเครื่องมือหนึ่งมากหรือไม่ ดูสภาพตัวเครื่องว่ารับได้หรือไม่ สามารถใช้งานได้ดีอยู่รึเปล่า รวมถึงอุปกรณ์การใช้งานต่างๆ และการรับประกันหลังการขายด้วย เอาไว้โอกาสหน้าเราจะมีบทความทริคอะไรดีๆ มาฝากกันอีก ฝากเพื่อนๆ ติดตามชมกันด้วย และหากใครมีคำถามข้อสงสัยใดอยากให้แนะนำเพิ่มเติมก็ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้เลยค่ะ 😊