รีวิว realme C2 น้องเล็กรุ่นใหม่สุดคุ้มค่า!! จอใหญ่ 6.1 นิ้ว แบตอึด 4000 mAh กล้องหลังคู่ AI บอดี้หรูดีไซน์ Diamond Cut มีสแกนใบหน้า ในราคาเข้าถึงง่าย
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ที่รักทุกท่านค่ะ ก็เปิดตัวพร้อมกับวางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ realme C2 สมาร์ทโฟนน้องเล็กรุ่นใหม่สุดคุ้มค่า สเปคครบครัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ไม่แพ้สมาร์ทโฟนในเรทราคาเดียวกัน โดยมาพร้อมสโลแกน “King of Entry Level – ที่สุดแห่งความคุ้มค่า” สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ จอกว้าง แบตอึด ราคาคุ้มๆ ที่ใครก็สามารถเป็นเจ้าของได้ด้วย ราคาจำหน่ายเพียง 3,599 บาท
realme C2 ชูหน้าจอ Dewdrop Display ขนาด 6.1 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด HD+ สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 89.35% มีการใช้วัสดุ APCF เพื่อช่วยให้หน้าจอสว่างกว่าเดิม และสามารถดูได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเมื่อใช้งานกลางแจ้ง ขับเคลื่อนด้วยชิปเช็ต Helio P22 นวัตรกรรมการผลิตระดับ 12 นาโนเมตร ช่วยให้การใช้งานไหลลื่น และมีเสถียรภาพสำหรับสมาร์ทโฟนเรทราคานี้ หน่วยความจำ RAM 3GB + ROM 32GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256GB รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0 บนพื้นฐาน Android Pie ที่มีการปรับดีไซน์ใหม่ของแอปฯ และอนิเมชั่นต่างๆ สามารถจัดการแอปฯ ได้อย่างใจต้องการ
ถ่ายภาพที่อัจฉริยะกว่าด้วยระบบ AI กล้องหน้า AI Beauty ความละเอียด 5MP รองรับฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้าอันฉับไวในเสี้ยววินาที กล้องหลังเลนส์คู่ 13MP + 2MP พร้อมโหมดถ่ายภาพ Chroma Boost ช่วยปรับสมดุลภาพ, โหมด Bokeh Effect ช่วยถ่ายภาพบุคคลให้ดูมีมิติ และสมบูรณ์แบบ, โหมด HDR ช่วยให้ภาพถ่ายสวยงามกว่าการถ่ายแบบปกติ, รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 1080p และบันทึกวิดีโอ slo-mo อยู่ที่ 80fps/480p ซึ่งในราคานี้แต่มาพร้อมกล้องหลังคู่จะหาได้ค่อนข้างยากในตลาดสมาร์ทโฟน
ทั้งยังมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ผสานเทคโนโลยี CorePilot จาก MediaTek ช่วยประหยัดพลังงานในตัวเครื่อง และปรับสมดุลของการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ทำให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องคอยชาร์จบ่อยๆ เลยค่ะ
realme C2 มาพร้อมตัวเครื่องดีไซน์สวยโดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์คัตติ้งออกแบบฝาหลังเป็นรูป Diamond Cut ผสมผสานความหรูหราแวววาวจากผงไข่มุก และการเพ้นท์สีลงไปบนชิ้นส่วนฝาหลังถึง 3 ชั้น ซึ่งตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Diamond Black และ Diamond Blue
สำหรับวันนี้ทาง ninethaiphone มีรีวิว realme C2 ตัวเครื่องสี Diamond Blue มาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน ซึ่งต้องบอกเลยว่าตัวเครื่องสวยสะดุดตาแบบไม่ซ้ำใคร ฝาหลังโดดเด่นดูหรูหรา ให้เฉดสีที่แตกต่างกันไปยามแสงตกกระทบ ซึ่งเป็นโทนสีเข้มและอ่อนสลับวิบวับคล้ายประกายของเพชรน้ำงาม พูดแล้วอย่ารอช้า เราไปชมรายละเอียดรีวิวทั้งหมดกันเลยค่ะ
ข้อมูลสเปค realme C2
| Features | realme C2 |
| วันเปิดตัว : | – มิถุนายน 2562 |
| ราคา : | – 3,999.- (ณ วันที่ 20 มิ.ย. 62) |
| OS : | – Android 9.0 Pie ครอบทับ ColorOS 6.0 |
| หน้าจอ : | – หน้าจอ IPS LCD |
| – ขนาด 6.1 นิ้ว | |
| – ความละเอียด 1560×720 พิกเซล (HD+) | |
| – อัตราส่วน 19.5:9 | |
| – กระจก Corning Glass | |
| CPU : | – Helio P22 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.0GHz |
| GPU : | – IMG PowerVR GE8320 |
| RAM : | – 3GB |
| ROM : | – 32GB |
| – microSD Card สูงสุด 256GB | |
| กล้องหลัง : | – 13MP + 2MP |
| – ค่ารูรับแสง f/2.2 + f/2.4 | |
| – PDAF Fast Focusing | |
| – Auto Focus | |
| – Touch Focus | |
| – Panorama | |
| – HDR | |
| กล้องหน้า : | – 5MP |
| – ค่ารูรับแสง f/2.0 | |
| Video : | – 720p@30fps, 1080p@30fps |
| – slo-mo 80fps/480p | |
| Battery : | – 4000 mAh |
| ขนาด : | – 154.3×73.7×8.5 มม. |
| น้ำหนัก : | – 166 กรัม |
| รองรับซิม : | – Dual SIM |
| ระบบกันน้ำ : | – |
| ระบบเครือข่าย : | – 2G : GSM 850/900/1800/1900 MHz |
| – 3G : HSDPA 850/900/2100 MHz | |
| – 4G LTE | |
| ระบบเชื่อมต่อ : | – WiFi 802.11b/g/n 2.4G |
| – Bluetooth 4.2 | |
| – Micro-USB | |
| – OTG | |
| GPS : | – GPS |
| – A-GPS | |
| – GNOLASS | |
| Sensor : | – Face Unlock |
| – Accelerometer | |
| – Proximity | |
| – Gravity | |
| – Light Sensor | |
| – Ambient light | |
| สี : | – Diamond Black |
| – Diamond Blue |
แกะกล่อง realme C2
สำหรับ realme C2 บรรจุมาในกล่องสีเหลืองสะดุดตา หน้ากล่องระบุชื่อแบรนด์ realme และชื่อรุ่น C2 ไว้กลางกล่องตัวใหญ่ๆ
ด้านหลังกล่องเป็นโทนสีเทา มีการระบุเกี่ยวกับเลข IMEI, สีตัวเครื่อง และความจุของสมาร์ทโฟนเอาไว้
อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบไปด้วย
– realme C2 ตัวเครื่องสี Diamond Blue
– สาย micro USB
– Adapter ชาร์จแบตเตอรี่ 5V/2A
– คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
– ใบรับประกันสินค้า
– เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด (Ejection pin)
– ฟิล์มกันรอยแบบใส (ติดมาแล้วกับตัวเครื่อง)
สำหรับอแดปเตอร์ชาร์จแบเตอรี่ของ realme C2 เป็นแบบ 5V2A ไม่รองรับชาร์จเร็วค่ะ
ทำความรู้จัก realme C2
ด้านหน้า realme C2 มาพร้อมหน้าจอที่ละเอียดกว่า realme C1 คือใช้หน้าจอหยดน้ำขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด HD+ อัตราส่วน 19.5:9 มีพื้นที่การแสดงผลมากถึง 89.35% มีการเพิ่มวัสดุ APCF ช่วยให้หน้าจอสว่างกว่าเดิม และสามารถใช้งานได้อย่างชัดเจนแม้ใช้งานท่ามกลางแสงแดดกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังใช้พลังงานน้อยลงภายใต้ความสว่างหน้าจอเดียวกันอีกด้วย
ด้านหน้าส่วนบน เส้นโค้งของหยดน้ำทำให้หน้าจอของ realme C2 ดูสวยสง่าและหรูหรามากยิ่งขึ้น บริเวณนี้เป็นที่ติดตั้งของเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 5MP และเซ็นเซอร์ต่างๆ เหนือรอยบากมีช่องลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนา โดยกล้องหน้ารองรับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าที่เคลมว่ารวดเร็วเพียงแค่ 0.3 วินาทีเท่านั้น อีกทั้งยังมาพร้อมระบบ AI Beauty ตรวจจับจุดบนใบหน้าได้ถึง 128 จุดทีเดียว
ด้านหน้าส่วนล่าง ประกอบด้วย ปุ่มการใช้งานแบบ On-Screen ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ ส่วนขอบด้านล่างมีการเว้นว่างไว้เล็กน้อยไม่มีฟังก์ชันการใช้งานใดๆ
ด้านหลัง realme C2 มาพร้อมดีไซน์ฝาหลังเหลี่ยมเพชร Diamond Cut ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สะท้อนสวยงามดูหรูหราทุกมุมมอง โดยเป็นการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์คัตติ้ง เพ้นท์สี 3 ชั้น และใส่ผงไข่มุกลงไปเพิ่มความหรูหรามีระดับมากยิ่งขึ้น ตัวเครื่องมีน้ำหน้กเบา พกพาสะดวกสบาย
มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ Diamond Black และสีน้ำเงิน Diamond Blue เมื่อส่องกระทบภายใต้แสง ตัวเครื่องสีน้ำเงินจะดูเหมือนโลหะสะท้อน ขณะที่ตัวเครื่องสีดำจะเหมือนดวงดาวระยิบระยับที่อยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน โดยมุมบนซ้ายเป็นตำแหน่งของกล้องเลนส์คู่ มุมล่างซ้ายมีโลโก้แบรนด์ realme ส่วนขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 154.3×73.7×8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 166 กรัม
ด้านหลังส่วนบน ประกอบด้วย กล้องหลังเลนส์คู่ AI เซ็นเซอร์หลักความละเอียด 13MP มีขอบสีเหลืองทองครอบอยู่ + เซ็นเซอร์รองความละเอียด 2MP มีกรอบสแตนเลสสีเงินล้อมรอบอยู่ และไฟแฟลช LED อยู่ขวามือ
ด้านหลังส่วนล่าง พบเพียงโลโก้แบรนด์ realme สกรีนสีเงิน
ด้านบนตัวเครื่อง ผิวเรียบไม่มีฟังก์ชันการใช้งานใดๆ
ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ลำโพงเสียง, ช่องเสียบพอร์ต micro USB, รูไมโครโฟน และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านซ้ายตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องใส่ซิมการ์ด และปุ่มปรับระดับเพิ่ม-ลดเสียง
โดยช่องใส่ซิมการ์ดนั้นจะอยู่เหนือปุ่มปรับระดับเสียงเล็กน้อยค่ะ
realme C2 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot โดยรองรับ 2 ซิมการ์ด (Nano SIM) และ microSD Card ที่รองรับสูงสุด 256GB ได้ภายในถาดเดียว โดยไม่ต้องเลือกใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ รูปแบบจำนวน 3 ช่อง คือ SIM + SIM + microSD Card
ด้านขวาตัวเครื่อง มีแค่เพียงปุ่มพาวเวอร์ สำหรับเปิด-ปิด และรีสตาร์ทการใช้งานตัวเครื่อง
การแคปภาพหน้าจอ กดค้างไปที่ปุ่มลดเสียง + ปุ่มพาวเวอร์ด้านข้างตัวเครื่องค่ะ
ทดสอบประสิทธิภาพ realme C2
เมื่อนำ realme C2 ที่มาพร้อมขุมพลัง Helio P22 แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.0GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก IMG PowerVR GE8320 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0 เวอร์ชันล่าสุด บนพื้นฐาน Android 9.0 (Pie) เข้าทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด พบว่าสามารถทำคะแนนรวมอยู่ที่ 77776 คะแนน ซึ่งทำคะแนนได้มากกว่า Realme C1 2019 (คลิกชมรีวิว) ที่เราได้รีวิวให้ชมกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียวสำหรับสมาร์ทโฟนราคา 4,000 พันบาท
สำหรับข้อมูลสเปคการใช้งานของ realme C2 ตามฐานข้อมูลของแอปฯ AnTuTu เวอร์ชันล่าสุด ระบุว่ามาพร้อมรหัสโมเดล RMX1941 ภายใต้แบรนด์ realme, รันระบบปฏิบัติการ Android 9.0, ใช้ชิปเซ็ต MT6762V/WR หรือ Helio P22, หน้าจอ 6.08 นิ้ว ความละเอียด 1560×720 พิกเซล, กล้องหลังคู่ 13MP + 2MP, กล้องหน้า 5MP, แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh, หน่วยความจำแรมที่ใช้งานได้ทั้งหมด 1153MB และความจุที่ใช้งานได้ทั้งหมด 16.55GB เป็นต้น
โดยทีมงานได้ลองดาวน์โหลดเกมมือถือฟอร์มยักษ์ยอดฮิตอย่าง PUBG Mobile มาทดลองเล่นดูค่ะ เพื่อทดสอบความหน่วง ความลื่นไหล และประสิทธิภาพอื่นๆ ขณะเล่นเกม
โดยแรกเริ่มเมื่อเข้าสู่เกม ระบบได้ปรับอัตโนมัติที่ความละเอียดต่ำคุณภาพลื่นตามสเปคของอุปกรณ์เพื่อให้สามารถเล่นเกมได้แบบไม่สะดุด
ภาพกราฟิกอยู่ในระดับดีช่วยลดอาการค้าง ส่วนเฟรมเรทอยู่ที่ระดับกลาง (อุปกรณ์ยังไม่รองรับการตั้งค่า สมดุล, HD, HDR HD และ Ultra HD) หากเฟรมเรทแกว่งสามารถปรับรถเฟรมเรทลงเพื่อให้เหมาะสมได้
ระหว่างเล่นเกม realme C2 รองรับ Game Space ซึ่งระบบจะช่วยจัดการเคลียร์แรม ปรับการทำงานด้านกราฟิก และปิดกั้นการรบกวนต่างๆ รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้เหมาะสมกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการเร่งความเร็วกราฟิก ปรับแต่งเกมให้ราบรื่น และปิดกั้นการรบกวนต่างๆ อาทิ สายเรียกเข้าหรือข้อความ ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมดียิ่งกว่าที่เคย อีกทั้งระหว่างเล่นเกมเรายังสามารถแคปหน้าจอ บันทึกวิดีโอหน้าจอ และตอบข้อความอื่นๆ ได้ ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมดียิ่งกว่าที่เคย
สามารถกำหนดค่าโหมดประสิทธิภาพแบบต่างๆ หรือตั้งค่าห้ามรบกวนขณะเล่นเกมได้แบบท็อปฟอร์ม ทำให้เล่นเกมได้อย่างเพลิดเพลินต่อเนื่อง
ทำได้เพียงแค่เลื่อนจากฝั่งซ้ายบริเวณหยดน้ำไปทางขวา ก็จะขึ้นแถบเมนูดังภาพค่ะ
ภาพในเกมเสมือนจริง ผลลัพธ์ที่ได้พบว่ามีความลื่นไหลดี ไม่ค่อยมีอาการกระตุกหรือค้าง เล่นได้แบบสบายๆ เมื่อเทียบกับราคาวางจำหน่ายถือว่าคุ้มจริงๆ ค่ะ
ส่วนการใช้งาน YouTube สามารถกางและบีบนิ้วเข้าเพื่อปรับให้พอดีกับหน้าจอได้
โดยภาพมาตรฐานบน YouTube ยังดูได้ไม่เต็มจอเหลือขอบดำด้านข้างไว้เล็กน้อย แต่เราสามารถซูมขยายจนเต็มหน้าจอได้ค่ะ
Interface
หน้าจอ Lock screen ปลดล็อกตัวเครื่องได้ด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบน และเข้าถึงกล้องถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยการเลื่อนมุมขวาขึ้น หากลงทะเบียนระบบสแกนใบหน้าแล้วก็กดไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่องแล้วสแกนได้เลยค่ะ
หลังปลดล็อกหน้าจอจะพาเข้าสู่หน้า Home screen โดยมีมาให้จำนวน 3 หน้า และสามารถเพิ่มหน้าใช้งานได้ภายหลัง และหากปัดไปหน้าแรกสุดจะเป็นหน้ารวมผู้ช่วยอัจฉริยะ Smart Assistant ที่สามารถใช้ฟังก์ชันที่ใช้บ่อยๆ ได้โดยการแตะเพียงครั้งเดียว และดูข้อมูลสำคัญอย่างรวดเร็วในขั้นตอนเดียว สำหรับแอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องถูกจัดวางเป็นระเบียบไม่รก UI แบบใหม่จาก ColorOS 6.0
เมื่อเลื่อนหน้าจอด้านบนลงจะพาเข้าสู่หน้า Quick Settings เมนูแถบแจ้งเตือนสามารถเข้าถึงการใช้งานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และหากปัดหน้าจอด้านล่างขึ้นจะเข้าสู่เมนูรวมแอปฯ การใช้งานทั้งหมดภายในเครื่อง
สามารถลบหรือย้ายตำแหน่งของแอปฯ ได้ด้วยการกดค้างไปที่แอปฯ นั้นๆ แล้วจะปรากฏเมนูลบขึ้นมาค่ะ
ศูนย์รวมแอปฯ Google มีให้เลือกใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแผนที่, Google Chrome, Gmail, Play Music หรือ YouTube เป็นต้น พร้อมสามารถดาวน์โหลดแอปฯ เพิ่มเติมได้ที่ Google Play และเปลี่ยนธีมหรือภาพพื้นหลังได้ที่ศูนย์ธีม
มาดูกันที่โหมดเครื่องมือการใช้งานกันบ้าง มีมาให้แบบครบครันทีเดียว เริ่มต้นที่ เครื่องบันทึกเสียง, เข็มทิศ
เครื่องคิดเลข มีฟังก์ชันแปลงสกุลเงิน และการแปลงค่าต่างๆ อาทิ น้ำหนัก, อุณหภูมิ, ความเร็ว, พลังงาน และแรงดัน เป็นต้น
การโคลนโทรศัพท์สามารถย้ายข้อมูลทั้งหมดที่มีในเครื่องเก่าไปยังมือถือเครื่องใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
วิทยุ FM, ปฏิทิน, นาฬิกาปลุก
แอปฯ วัดสภาพอากาศ, Game Center และหน้าแนะนำแอปฯ ฮิต หรือเกมฮิต
เมนูการตั้งค่าต่างๆ ภายในตัวเครื่อง
สามารถปรับตั้งค่าตัวกรองแสงสีฟ้าได้ที่โหมดการปกป้องในเวลากลางคืน เพื่อถนอมสายตาระหว่างใช้งานยามค่ำคืน โดยหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล และเลือกปรับอุณหภูมิความเข้มของโทนสีเหลืองได้ โดยตั้งเป็นกำหนดเวลา หรือเปิดใช้งานทันที นอกจากนี้ยังสามารถเปิด-ปิดการแสดงผลช่วงรอยบากได้เองอีกด้วย จากนั้นเป็นการตั้งค่าใช้งานด้วยท่าทางหรือการเคลื่อนไหว และหน้าแสดงข้อมูลในโทรศัพท์
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ realme C2 รองรับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า และการตั้งค่ารหัสผ่านสำหรับปลดล็อกหน้าจอ โดยระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการลงทะเบียน ควรถือเครื่องสมาร์ทโฟนให้ห่างจากใบหน้าราว 20-50 ซม. และควรหลีกเลี่ยงการบันทึกใบหน้าในที่ที่มีแสงสว่างมากเกินไปค่ะ
มีตัวช่วยด้านความสะดวกสบายแบบชาญฉลาด อาทิ ปุ่มการนำทาง : นำทางด้วยปุ่มเสมือน หรือลากนิ้วขึ้น, ผู้ช่วยขับรถ : การเชื่อมต่อ Bluetooth ในรถแบบอัตโนมัติ, โหมด Riding : ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ และจำกัดการใช้งานระหว่างขับขี่รถมอเตอร์ไซค์, ลูกบอลช่วยเหลือ : ลักษณะจะคล้ายกับปุ่ม Assistive Touch ของ iPhone ใช้งานด้วยการแตะ ยกตัวอย่างเช่น แตะ 1 ครั้ง เพื่อย้อนกลับ หรือแตะค้างเพื่อไปยังหน้าจอหลัก เป็นต้น
หน้าอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุด, หน้าแสดงข้อมูลเกี่ยวกับโทรศัพท์ และหน้าจัดการไฟล์ในตัวเครื่อง
รองรับการโคลนแอปฯ ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานแอปฯ แชทได้พร้อมกัน 2 บัญชี ทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการล็อกอินหลายบัญชีค่ะ
รองรับฟังก์ชัน Split Screen หรือโหมดการใช้งาน 2 หน้าจอ
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Split Screen โดยจะมีเฉพาะบางแอปฯ เท่านั้นที่รองรับฟังก์ชันนี้ อาทิ YouTube, Google Crome, Play Store, Google Maps, เครื่องคิดเลข และ Gmail เป็นต้น
สำหรับ Phone Manager หรือตัวจัดการโทรศัพท์ เป็นตัวช่วยจัดการไฟล์ต่างๆ บนสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำรองข้อมูล สแกนไวรัส ทำความสะอาดไฟล์ขยะในเครื่อง และคืนค่าได้อย่างสะดวกสบาย
เอาใจคนชอบเล่นเกมด้วย Game Space ตัวช่วยดีๆ ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินขณะเล่นเกมสุดโปรด โดยสามารถตั้งค่าโหมดประสิทธิภาพแบบต่างๆ ระหว่างที่กำลังเล่นเกมได้
อาทิ ปิดแจ้งเตือน, กั้นการรบกวนต่างๆ, เร่งความเร็วกราฟิก, ค่าโหมดสมดุล, ใช้พลังงานต่ำ, เพิ่มประสิทธิภาพสูง และปิดการปรับแสงสว่างแบบอัตโนมัติ เป็นต้น
Hot Games, iReader, Hot Apps
เมนูหน้าโทรศัพท์, การรับส่งข้อความ, เรียกใช้งาน Google Assistant ได้อย่างง่ายและรวดเร็วได้ด้วยการกดค้างไปที่ปุ่มโฮมหรือปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่อง
เมื่อกดค้างไปที่หน้าจอ ในส่วนนี้เราสามารถปรับแต่งวิดเจ็ตได้เอง รวมถึงเปลี่ยนภาพพื้นหลัง และตั้งค่าการใช้งานหน้าจออื่นๆ ได้
รองรับโหมดประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ โดยระบบจะปิดแอปฯ ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อหยุดการทำงานอันเป็นเหตุให้แบตเตอรี่หมดอย่างรวดเร็ว, มีการลดความสว่างของหน้าจอลง, ปิดการสั่นสะเทือนเมื่อแตะไปที่ไอคอนต่างๆ และมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ Screen Battery Optimization ที่สามารถเพิ่มการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้นด้วยการปรับลดความละเอียดหน้าจอได้ตามต้องการ โดย Balance Mode เพิ่ม 5% และ High Energy Efficiency Mode อีก 10%
บนจอแสดงผลมี Smart Side Bar ซึ่งหากดึงบริเวณขอบสีขาวเล็กๆ บริเวณมุมขวาของหน้าจอ จะปรากฏเป็นแถบการใช้งานเป็นแอปฯ หลักๆ ที่เราใช้งานบ่อย ในส่วนนี้สามารถเพิ่มเติมแอปฯ ตั้งค่าเป็น Shotcut ได้ด้วย ระหว่างเล่นเกม หรือดูหนัง ใช้งาน YouTube ต่างๆ สามารถปัดหน้าจอทางฝั่งซ้ายเพื่อเข้าถึง Smart Side Bar แล้วตั้งค่าการแจ้งเตือนข้อความ, การกดบันทึกหน้าจอ, การแคปภาพหน้าจอ, การปิดแจ้งเตือนต่างๆ หรือเข้าถึงโซเชียลมีเดียได้ค่ะ
ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วทันใจด้วยการเสียบสาย micro USB เข้ากับคอมพิวเตอร์ จากนั้นบนหน้าจอมือถือจะปรากฏเมนูให้เลือก ได้แก่ ชาร์จเท่านั้น, โอนย้ายไฟล์ และโอนย้ายรูปภาพ นอกจากนี้ยังสามารถปิดหรือรีสตาร์ทเครื่องได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดค้างไปที่ปุ่มพาวเวอร์ข้างตัวเครื่อง
โหมดการใช้งานของกล้องถ่ายภาพ
มาเริ่มกันที่โหมดถ่ายภาพของกล้องหลังกันเลยค่ะ โดยกล้องหลังเลนส์คู่ของ realme C2 มาพร้อมความละเอียด 13MP + 2MP ค่ารูรับแสง f/2.2 + f/2.4 พร้อม LED flash มาพร้อมโหมดการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้ใช้หลากหลาย เริ่มกันที่โหมดบันทึกวิดีโอ
โหมดบันทึกวิดีโอรองรับการบันทึกที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p@30fps และระดับต่ำสุดคือ HD 720p@30fps ค่ะ
มีฟิลเตอร์สีให้เลือกใช้ถึง 10 ฟิลเตอร์
ถัดมาเป็นโหมดถ่ายภาพออโต้ปกติ
มีฟิลเตอร์สีต่างๆ ให้ใช้งานเช่นเดียวกัน
รองรับการถ่ายภาพ AI Beauty เพื่อให้ภาพสวยเนียนทันใจ โดยสามารถปรับความเนียนได้ถึง 100 ระดับ
รองรับการถ่ายภาพ Chroma Boost ช่วยปรับสมดุลภาพ ให้ภาพถ่ายออกมาสีสดขึ้น ดูมีชีวิตชีวา ปรับสมดุลภาพ และคมชัดมากกว่าเดิม
ภาพถ่ายปกติ (บน) & ภาพถ่าย Chroma Boost (ล่าง)
รองรับการซูมทันทีแบบ 2 เท่า เพียงแค่กดไปที่วงกลม 1x ทางขวามือ
หรือซูมได้สูงสุด 4 เท่า โดยยังเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างคมชัดดี
รองรับการถ่ายภาพ HDR หรือ High Dynamic Range เปิดรับแสงต่างกันมารวมเข้าด้วยกันโดยอัตโนมัติ ภาพถ่ายที่ได้จะมีรายละเอียดคมชัดมากขึ้น ช่วยให้ภาพถ่ายสวยงามกว่าการถ่ายแบบปกติ
ตัวอย่างภาพถ่าย HDR
ต่อมาเราจะไปดูกันที่โหมดการใช้งานพิเศษอื่นๆ ต่อเลยค่ะ ได้แก่ โหมด Panorama, Expert, Time-Laps และ Slow-motion
โหมด Panorama หรือการถ่ายแบบเก็บภาพในแนวกว้าง ซึ่งภาพถ่ายที่ถ่ายเป็นชุดมาเรียงต่อๆ กัน รวมเป็นภาพใหญ่ภาพเดียว เก็บภาพได้แบบกว้างกว่าที่เคย ในการเก็บภาพจะเก็บในแนวตั้งค่ะ
ตัวอย่างภาพถ่าย Panorama
ถัดมาเป็นโหมด Expert หรือโหมดผู้เชี่ยวชาญ โดยสามารถปรับตั้งค่า White Balance, การควบคุมค่าแสง, ตั้งค่าขนาดรูรับแสง, ความไวชัตเตอร์ และ Auto Focus ได้เอง
โหมดวิดีโอ Time-Lapse หรือการบันทึกวิดีโอช่วงเวลาหนึ่งๆ แบบเร่งความเร็วค่ะ
โหมด Slow-Mo สำหรับถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion อยู่ที่ระดับ 80fps/480p รองรับการเปิดใช้งานไฟแฟลช การใช้งานให้แตะไปที่ปุ่ม Super Slow-mo ก่อนที่ความเคลื่อนไหวจะเกิดขึ้น สามารถตั้งเวลาบันทึกวิดีโอ Super Slow-mo ได้ที่คุณภาพสูง 0.4 วินาที หรือคุณภาพมาตรฐาน 0.8 วินาที
ตัวอย่างวิดีโอ Slow Motion
ต่อมาเป็นโหมด Portrait รองรับการถ่ายภาพ Bokeh Effect หน้าชัดหลังเบลอ ช่วยถ่ายภาพบุคคลให้ดูมีมิติ และสมบูรณ์แบบ
มาต่อกันที่โหมดการใช้งานกล้องหน้าของ realme C2 กันเลย โดยมาพร้อมความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสง f/2.0 ผสานการทำงานกับระบบ AI ช่วยให้ภาพถ่ายสวยงามเป็นธรรมชาติ เริ่มด้วยโหมดบันทึกวิดีโอ ที่รองรับทั้งการบันทึกวิดีโอความละเอียดตั้งแต่ระดับ HD กับระดับสูงสุด Full HD พร้อมมีฟิลเตอร์สีให้เลือกใช้งาน
และเมื่อกดไปที่ 3 ขีดที่เห็นจะพบกับโหมดถ่ายวิดีโอแบบย่นเวลา หรือถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse และถ่ายภาพพาโนรามาเก็บภาพในแนวกว้าง
โหมดถ่ายภาพออโต้ปกติ รองรับการถ่ายภาพ AI Beauty ตรวจจับมากกว่า 128 จุดบนใบหน้า สามารถปรับค่าความสวยเนียนได้ 100 ระดับ พร้อมรองรับฟิลเตอร์สี และการถ่ายภาพ HDR ด้วยค่ะ
โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพ Bokeh หน้าชัดหลังเบลอ รองรับ AI Beauty และฟิลเตอร์สีเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังจาก realme C2
**ผลลัพธ์ของภาพถ่ายขึ้นอยู่กับสภาพแสงในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าจาก realme C2
สำหรับกล้องหน้าของ realme C2 มาพร้อมความละเอียด 5MP ผสานเทคโนโลยี AI มีระบบปรับผิวสวยเนียนทันใจด้วย AI Beauty ช่วยปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้สวยงามเป็นธรรมชาติ สามารถจับจุดบนใบหน้าได้ถึง 128 จุด รองรับการปรับค่าผิวสวยเนียน 100 ระดับ ระบบ AI ปรับแต่งแบบอัตโนมัติที่ระดับ 30 สังเกตเห็นได้จากจุดวงกลมเล็กๆ ภาพที่ได้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ปรับระดับความสวยเนียนได้ตามใจชอบ เราไปชมตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้าของ realme C2 กันเลยค่ะ
ถ่ายภาพปกติไม่ปรับแต่ง > AI Beauty อัตโนมัติ > AI Beauty ปรับระดับ 50
AI Beauty ปรับระดับ 100 > โหมด Portrait > ฟิลเตอร์
สรุปจุดเด่นของ realme C2
• เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 4,000 บาท ราคาเข้าถึงง่าย
• ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก ถือจับกระชับมือ
• ฝาหลังดีไซน์เพชร Diamond Cut เลเซอร์คัตติ้งสวยโดดเด่นแบบไม่ซ้ำใคร ผิวสัมผัสด้าน ไม่เกิดรอยนิ้วมือง่าย มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Diamond Black และสีน้ำเงิน Diamond Blue
• ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0 บนพื้นฐาน Android 9.0 Pie ใช้งานง่าย มีการปรับดีไซน์ใหม่ รวมถึงดีไซน์ในแอปพลิเคชัน และอนิเมชั่นต่างๆ ด้วยค่ะ
• หน้าจอใหญ่กำลังดีขนาด 6.1 นิ้ว แบบ Dewdrop Display ความคมชัดระดับ HD+ อัตราส่วน อัตราส่วน 19.5:9 สัดส่วนหน้าจอ 89.35% มีการใช้วัสดุ APCF เพื่อช่วยให้หน้าจอสว่างกว่าเดิม และสามารถดูได้ชัดเจนมากขึ้นเมื่อใช้งานกลางแจ้ง
• ใช้ชิปเซ็ต Helio P22 ขนาด 12 นาโนเมตร แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.0GHz หน่วยประมวลภาพกราฟิก IMG PowerVR GE8320 เล่นเกมได้ลื่นดี ภาพสีสวยเกินราคา ชิปเซ็ตมีขนาดจิ๋ว ช่วยประหยัดพลังงาน และปรับสมดุลของการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ
• หน่วยความจำ RAM 3GB + ROM 32GB พร้อมรองรับ microSD Card สูงสุด 256GB
• กล้องหลังเลนส์คู่ 13MP + 2MP มีโหมด Chroma Boost ช่วยปรับสมดุลภาพ, โหมด Bokeh Effect ช่วยถ่ายภาพบุคคลให้ดูมีมิติ และสมบูรณ์แบบ, โหมด HDR ช่วยให้ภาพถ่ายสวยงามกว่าการถ่ายแบบปกติ, รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 1080p และบันทึกวิดีโอ slo-mo อยู่ที่ 80fps/480p ซึ่งในราคานี้แต่มาพร้อมกล้องหลังคู่จะหาได้ค่อนข้างยาก
• กล้องหน้า 5MP มาพร้อม AI Beauty ปรับได้ 100 ระดับ และสามารถสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาที
• แบตเตอรี่ความจุสูง 4000 mAh มาพร้อมเทคโนโลยี CorePilot จาก Mediatek ช่วยประหยัดพลังงานและปรับสมดุลของการใช้พลังงาน สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่อง
• รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Triple Slot ใช้งานได้ 2 ซิม พร้อมกับ microSD Card ได้ในถาดเดียว
ข้อสังเกต
– ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แต่มีระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า
– ใช้พอร์ตเชื่อมต่อ microUSB
– กล้องหลังโฟกัสค่อนข้างช้า ต้องใช้ Touch Focus เอาค่ะ
– กล้องไม่มีโหมด Nightscape สำหรับถ่ายภาพในเวลากลางคืน
– หน่วยความจำในตัวเครื่องอาจไม่เพียงพอต่อการใช้งานของผู้ใช้บางคน
– ไม่แถมหูฟังและเคสกันรอยมาให้ในกล่อง
– ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว
ตัวเลือกอื่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
– realme C1 (2019)
– Vivo Y91C
– Huawei Y5 2019
– Huawei Y7 Pro 2019
– Samsung Galaxy A10
– Xiaomi Redmi 6A
– Nokia 2.1
– Wiko View Max
– Wiko View 3 Lite
ขอขอบคุณ realme Thailand
เปรียบเทียบ vivo V29 5G และ iQOO Z7 5G ปี 2023 ชิปไว แบตเยอะ ราคาตอบโจทย์ เลือกรุ่นไหนดี รุ่นไหนเด่น มาเช็กกันเลย สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้แอดมินมีบทความรีวิวเปรียบเทียบ vivo V29 5G และ iQOO Z7 5G มาฝากให้ได้ชมกัน
เปรียบเทียบ vivo V29 5G และ Sony Xperia 10 V ปี 2023 รุ่นต่างค่าย สเปกตอบโจทย์ เลือกรุ่นไหนดี รุ่นไหนคุ้ม มาดูกัน สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้แอดมินมีบทความรีวิวเปรียบเทียบ vivo V29 5G และ Sony Xperia 10 V มาฝากให้ได้ชมกัน
เปรียบเทียบ vivo V29 5G และ HONOR X9a ปี 2023 จอใหญ่ บอดี้สวย รุ่นไหนปังสุด มาเช็กกันเลย สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้แอดมินมีบทความรีวิวเปรียบเทียบ vivo V29 5G และ HONOR X9a มาฝากให้ได้ชมกัน โดยเป็นการเปรียบเทียบสเปกการใช้งานหลัก ๆ หลายด้าน อาทิ
เปรียบเทียบ vivo V29 5G และ POCO X5 Pro 5G ปี 2023 สเปกครบครัน ราคาตอบโจทย์ รุ่นไหนดี รุ่นไหนเด่น มาดูกันเลย สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้แอดมินมีบทความรีวิวเปรียบเทียบ vivo V29 5G และ POCO X5 Pro 5G
เปรียบเทียบ vivo V29 5G และ Redmi Note 12 Pro 5G ปี 2023 รุ่นต่างค่าย สเปกตอบโจทย์ รุ่นไหนคุ้มสุด มาดูกันเลย สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้แอดมินมีบทความรีวิวเปรียบเทียบ vivo V29 5G และ Redmi Note 12 Pro
เปรียบเทียบ vivo V29 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ปี 2023 จอใหญ่ แบตเยอะ ชิปไว เลือกรุ่นไหนดี มาดูกันเลย สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้แอดมินมีบทความรีวิวเปรียบเทียบ vivo V29 5G และ Redmi Note 12
เปรียบเทียบ vivo V29 5G และ POCO F5 ปี 2023 สเปกครบครัน ราคาหมื่นต้น ๆ เลือกรุ่นไหนดี มาดูกันเลย สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้แอดมินมีบทความรีวิวเปรียบเทียบ vivo V29 5G และ POCO F5 มาฝากให้ได้ชมกัน โดยเป็นการเปรียบเทียบสเปกการใช้งานหลัก ๆ หลายด้าน อาทิ ราคาวางจำหน่าย, หน้าจอ,
เปรียบเทียบ vivo V29 5G และ POCO F5 Pro ปี 2023 สเปกตอบโจทย์ เลือกรุ่นไหนดี มาดูกันเลย สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้แอดมินมีบทความรีวิวเปรียบเทียบ vivo V29 5G และ POCO F5 Pro มาฝากให้ได้ชมกัน โดยเป็นการเปรียบเทียบสเปกการใช้งานหลัก ๆ หลายด้าน
เปรียบเทียบ vivo V29 5G และ OnePlus Nord 3 5G ปี 2023 จอใหญ่ ชิปไว แบตเยอะ รุ่นไหนดี รุ่นไหนคุ้ม มาดูกันเลย สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ 🙂 วันนี้แอดมินมีบทความรีวิวเปรียบเทียบ vivo V29 5G และ OnePlus Nord 3
สมาร์ตโฟนจอพับรุ่นล่าสุดของ OPPO เตรียมเปิดตัวในตลาดโลกเร็ว ๆ นี้ OPPO แบรนด์อุปกรณ์อัจฉริยะระดับโลกประกาศเปิดตัวสมาร์ตโฟนจอพับมาตรฐานใหม่ที่ก้าวไปอีกขั้น พร้อมรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการวางจำหน่ายของ OPPO Find N3 Flip และไฮไลท์เด่นที่จะเปิดเผยในงานเปิดตัวระดับโลกของ OPPO ที่กำลังจะมาถึง Pete Lau, SVP and Chief Product Officer at OPPO กล่าวว่า“สำหรับ Find N2 Flip เราสร้างโทรศัพท์ฝาพับที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และตอนนี้
แสดงความคิดเห็น